“กรุงศรี” คงเป้าจีดีพีไทยโต 3.3% การเมืองกระทบเศรษฐกิจ คาดเงินบาทสิ้นปี 33.75
"แอตต้า" เชื่อฟรีวีซ่า ดึงนทท.จีนเข้าไทย 5 ล้านคน
วิจัยกรุงศรี ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวที่ 2.8% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.3% และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ตลอดในช่วงที่เหลือของปี โดยเป็นผลจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ในไตรมาส 2 ปี 66 เติบโตเพียง 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งต่ำกว่าที่วิจัยกรุงศรีคาดไว้ที่ +2.7%คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะเดียวกันภาคส่งออกอ่อนแอกว่าคาด โดยวิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์ส่งออกเป็นหดตัว 1.5% จากเดิมคาดจะเติบโต 0.5% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัว และเศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวช้า ซึ่งการส่งออกของไทยที่อ่อนแอส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้น้อยกว่าที่เคยคาดไว้
นอกจากนี้ การจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่ล่าช้า กระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐปรับลดลงจากคาดการณ์เดิม
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในภาพรวมจะยังได้แรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคท่องเที่ยว ผนวกกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดว่าจะพยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่บรรเทาลง ขณะที่เศรษฐกิจไทยแม้มีทิศทางฟื้นตัวแต่ยังเติบโตได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพระยะยาว (long term trend) กอปรกับล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจากที่คาดไว้ที่ 3.6%
วิจัยกรุงศรีจึงยังคงมุมมองว่า กนง.อาจจะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ในการประชุมเดือนกันยายน และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 9 ปี ตลอดในช่วงที่เหลือของปี เพื่อสนับสนุนให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีความต่อเนื่อง
ในช่วงครึ่งหลังปี 66วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัว คาดเติบโต 3.4% จาก 2.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมีแรงหนุนหลักจาก
1. ภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น
2. การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เร่งกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ โดยล่าสุดรัฐบาลระบุว่าเตรียมการช่วยเหลือ ภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนโครงการพักหนี้เกษตรกร
3. ผลจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว (เนื่องจากจีนมีมาตรการล็อคดาวน์ในไตรมาส 4/2565 กระทบต่ออุปสงค์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทางเทคนิคที่สนับสนุนให้อัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) เร่งสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่อ่อนแอ การจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ารวมถึงผลกระทบจากภัยแล้ง และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น (ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนที่สูง) อาจเป็นข้อจำกัดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ประกาศฉบับที่ 19 “ฝนตกหนักถึงหนักมาก” เตือน! พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
วอลเลย์บอลหญิงไทย ชนะ เวียดนาม 3-1 เซต ลิ่วดวล ญี่ปุ่น ศึกชิงแชมป์เอเชีย AVC 2023
“กรดยูริก” สะสมในเลือดสูงกระตุ้นโรคเกาต์ พบได้ที่ไหนบ้าง?